เรื่องควรรู้ ก่อนติดตั้ง ไฟฉุกเฉิน

          การติดตั้งไฟฉุกเฉิน เป็นสิ่งที่เจ้าของที่พักอาศัย หรือเจ้าของอาคารต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นข้อกำหนดทางกฎหมายแล้ว ยังเป็นเรื่องของความปลอดภัยของผู้พักอาศัยในยามที่เกิดเหตุไม่คาดคิดอย่างอัคคีภัย หรือในกรณีไฟดับจากเหตุขัดข้องต่าง ๆ ถ้าหากไม่ได้ทำการติดตั้งไฟฉุกเฉิน ก็จะเป็นการแสดงถึงความไม่ความปลอดภัยต่อผู้พักอาศัย ดังนั้นตามพี่ไทมาดูกันครับว่า ถ้าเราจะซื้อไฟฉุกเฉินมาติดตั้งต้องพิจารณาถึงเรื่องอะไรบ้าง รวมไปถึงพื้นที่ในการติดตั้งที่เหมาะสม

 

การเลือกซื้อไฟฉุกเฉินต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง

          1. ความสว่าง: เลือกไฟฉุกเฉินที่มีความสว่างเพียงพอต่อการใช้งาน โดยทั่วไปจะวัดค่าความสว่างเป็นลูเมน (Lumen) ยิ่งค่าลูเมนสูง แสงก็จะยิ่งสว่าง

          2. ระยะเวลาการใช้งาน: โดยมาตรฐานแล้ว เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไฟต้องส่องสว่างได้ไม่น้อยกว่า 120 นาที ซึ่งระยะเวลาการใช้งานไฟฉุกเฉิน จะถูกระบุระยะไว้บนตัวผลิตภัณฑ์ ยิ่งส่องสว่างได้นานความจุแบตเตอรี่ก็จะมีมากขึ้น และราคาก็จะสูงตามขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน

          3. ประเภทของแบตเตอรี่: แบตเตอรี่ที่ใช้ในไฟฉุกเฉินส่วนใหญ่จะเป็นแบบชาร์จไฟได้ เช่น แบตเตอรี่นิเกิลแคดเมียม (Ni-Cd) ทนทานราคาประหยัด หรือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) อายุการใช้งานยาวนาน ราคาสูงกว่าแบตเตอรี่นิเกิลแคดเมียม ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

          4. ขนาดและน้ำหนัก: พิจารณาจากขนาดและน้ำหนักของไฟฉุกเฉินให้เหมาะสมกับการใช้งานและพื้นที่ติดตั้ง

          5. วิธีการชาร์จ: ไฟฉุกเฉินส่วนใหญ่จะชาร์จไฟผ่านปลั๊กไฟบ้าน แต่ในปัจจุบันก็เริ่มมีรูปแบบการชาร์จที่หลากหลาย เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน เช่น ชาร์จผ่าน USB ชาร์จผ่านพลังงานแสงอาทิตย์

          6. มาตรฐานความปลอดภัย: ควรเลือกซื้อไฟฉุกเฉินจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานความปลอดภัย เช่น มาตรฐาน มอก. เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีความปลอดภัยและมีคุณภาพ

 

 

พื้นที่ในการติดตั้งไฟฉุกเฉินที่เหมาะสม

          นอกจากวิธีการเลือกซื้อไฟฉุกเฉินแล้ว พื้นที่ในการติดตั้งก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เวลาเกิดเหตุไม่คาดคิดจะสามารถช่วยเหลือให้สามารถออกจากพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย โดยบริเวณที่ต้องติดตั้งไฟฉุกเฉิน ตามมาตรฐานระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉินและโคมไฟฟ้าป้ายทางออกฉุกเฉิน พ.ศ. 2565 (วสท. 021004-22) มี 13 จุดดังนี้

          1. เส้นทางหนีภัยและบริเวณทางออก

          2. บริเวณภายนอกหลังจากออกจากอาคารแล้ว ต้องมีความส่องสว่างอย่างต่ำอยู่ในระดับเดียวกันกับความส่องสว่างก่อนออกจากอาคาร

          3. ทางแยก ให้ติดตั้งโคมไฟฉุกเฉินห่างจากทางแยกไม่เกิน 2 เมตร ในแนวระดับ

          4. ทางเลี้ยว ให้ติดตั้งโคมไฟฉุกเฉินห่างจากทางเลี้ยวไม่เกิน 2 เมตร ในแนวระดับจากจุดเปลี่ยนทิศทาง หรือทางเลี้ยว

          5. พื้นเปลี่ยนระดับ ให้ติดตั้งโคมไฟฉุกเฉินห่างไม่เกิน 2 เมตร ในแนวระดับจากพื้นเปลี่ยนระดับ

          6. บันได ในกรณีที่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของทางหนีภัย ให้ติดตั้งโคมไฟฉุกเฉินให้แสงส่องสว่างถึงขั้นบันไดทุกขั้นโดยตรง

          7. พื้นที่ปฏิบัติงานของพนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่พนักงานกู้ภัยในลิฟต์ดับเพลิง พื้นที่จุดแจ้งเหตุเพลิงไหม้ จุดติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง พื้นที่เตรียมการหนีภัย และพื้นที่เก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาล

          8. บริเวณพื้นที่งานความเสี่ยงสูง รวมถึงห้องเครื่องไฟฟ้าเครื่องกล ห้องควบคุม ห้องต้นกำลัง ห้องสวิตช์ และบริเวณใกล้กับอุปกรณ์ควบคุมการจ่ายไฟแสงสว่างปกติและไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน

          9. ห้องน้ำ ให้ติดตั้งในห้องน้ำทั่วไปที่มีพื้นที่มากกว่า 8 ตารางเมตร และห้องน้ำสำหรับคนพิการ

          10. บันไดเลื่อนและทางเลื่อน ในกรณีที่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของทางหนีภัย

          11. พื้นที่เปิดโล่งภายในอาคาร พื้นที่สำนักงาน ร้านค้า ห้องประชุม หรือห้องที่มีคนอาศัยที่มีขนาดมากกว่า 60 ตารางเมตร

          12. บริเวณภายนอกประตูดาดฟ้าและบริเวณพื้นที่รอการหนีภัยทางอากาศ

          13. บริเวณพื้นที่หรือห้องพักเพื่อรอการหนีภัยภายในอาคาร

 

          

          จะเห็นได้ว่าสถานที่ติดตั้งไฟฉุกเฉินนั้นมีรายละเอียดถูกระบุไว้อย่างชัดเจน เป็นมาตรฐานที่ถูกกำหนดขึ้นมาให้ปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเนื้อหาที่พี่ไทนำมาเสนอในบทความนี้เป็นเพียงแค่ในส่วนหนึ่งของการติดตั้งไฟฉุกเฉินเท่านั้น ยังคงมีมาตรฐานความปลอดภัยอีกหลายเรื่องที่เจ้าของอาคารสถานที่จำเป็นต้องทำการศึกษา และปฏิบัติเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้พักอาศัย

 


Visitors: 1,254,328