รู้จัก 6 ชนิดสีทาบ้าน และ คู่มือเลือกสีที่เหมาะสม

6 ชนิดของสีทาบ้าน

รู้จัก 6 ชนิดสีทาบ้าน และ คู่มือเลือกสีที่เหมาะสม

การเลือกสีทาบ้านที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บ้านของคุณมีความสวยงาม ทนทาน และตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างแท้จริง มาทำความรู้จักกับสีทาบ้าน 6 ชนิดหลักที่นิยมใช้ในการตกแต่งบ้าน

สีน้ำอะคริลิก

1. สีน้ำอะคริลิก (Acrylic Paint)

สีน้ำอะคริลิกเป็นสีทาที่มีน้ำเป็นตัวทำละลาย ผลิตจากเรซินอะคริลิกผสมกับสารเติมแต่งต่างๆ เป็นสีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน

คุณสมบัติ:

  • แห้งเร็วภายใน 1-2 ชั่วโมง
  • ไม่มีกลิ่นฉุนหรือมีกลิ่นน้อย
  • ทำความสะอาดอุปกรณ์ได้ง่ายด้วยน้ำ
  • ผสมน้ำได้และปรับความข้นได้
  • มีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกร้าวง่าย

ข้อดี:

  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อสุขภาพ
  • ราคาไม่แพง เหมาะกับงบประมาณจำกัด
  •  ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  •  หาซื้อได้ง่าย มีให้เลือกหลากหลายสี
  •  ทนแสงแดดและความชื้นได้ดี

สีน้ำมัน

2. สีน้ำมัน (Enamel Paint)

สีน้ำมันเป็นสีทาที่มีตัวทำละลายเป็นน้ำมัน ให้ผิวเงาสวยงามและมีความทนทานสูง เหมาะสำหรับพื้นผิวที่ต้องการความแข็งแรงพิเศษ

คุณสมบัติ:

  • แห้งช้ากว่าสีน้ำ (4-8 ชั่วโมง)
  • ให้ผิวเงาและเรียบเนียน
  • มีความแข็งและทนทานสูง
  • ต้องใช้น้ำมันทาสีในการทำความสะอาด
  • ทนต่อการขีดข่วนและสารเคมี

ข้อดี:

  • ความทนทานสูงมาก เหมาะกับพื้นผิวที่ใช้งานหนัก
  • ให้ผิวสีสวยงาม เงาวาว มีคุณภาพสูง
  • กันน้ำและความชื้นได้ดีเยี่ยม
  • เหมาะสำหรับงานโลหะ ไม้ และคอนกรีต
  • อายุการใช้งานยาวนาน ประหยัดในระยะยาว

สีรองพื้น

3. สีรองพื้น (Primer)

สีรองพื้นเป็นสีชั้นแรกที่ทาก่อนสีหน้า มีหน้าที่เตรียมพื้นผิวให้พร้อมรับสีและเพิ่มประสิทธิภาพของสีหน้า

คุณสมบัติ:

  • มีความยึดเกาะสูงกับพื้นผิว
  • ปิดรูพรุนและความไม่เรียบของผนัง
  • ป้องกันการซึมผ่านของคราบและสี
  • สร้างพื้นผิวที่เหมาะสำหรับสีหน้า
  • มีทั้งแบบน้ำและน้ำมัน

ข้อดี:

  • ประหยัดสีหน้า ลดจำนวนชั้นที่ต้องทา
  • ทำให้สีหน้ามีความสม่ำเสมอและสวยงาม
  • ป้องกันคราบเก่าซึมขึ้นมา
  • เพิ่มความยึดเกาะและความทนทานของสี
  • ปิดกลิ่นและคราบได้ดี

สีเท็กซ์เจอร์

4.สีเท็กซ์เจอร์ / สีลวดลาย (Texture Paint)

สีเท็กซ์เจอร์เป็นสีพิเศษที่มีเนื้อหนาและมีวัสดุผสมที่สร้างลวดลายและพื้นผิวที่น่าสนใจ ช่วยเพิ่มมิติและความสวยงามให้กับผนัง

คุณสมบัติ:

  • มีเนื้อสีหนาและหยาบ
  • ผสมวัสดุเม็ดทราย เศษหิน หรือไฟเบอร์
  • สร้างลวดลายและพื้นผิวที่หลากหลาย
  • ซ่อนรอยต่อและข้อบกพร่องของผนัง
  • ใช้เครื่องมือพิเศษในการทา

ข้อดี:

  • สร้างจุดเด่นและความน่าสนใจให้กับห้อง
  • ซ่อนรอยแตกร้าวและข้อบกพร่องของผนังได้ดี
  • ทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน
  • ลดการสะท้อนเสียงภายในห้อง
  • เพิ่มมูลค่าและความสวยงามให้กับบ้าน

สีย้อมไม้

5.สีย้อมไม้ / สีเคลือบไม้ (Wood Stain / Wood Coating)

สีสำหรับไม้เป็นสีพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องและเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นผิวไม้ โดยยังคงลวดลายธรรมชาติของไม้ไว้

คุณสมบัติ:

  • ซึมเข้าไปในเนื้อไม้
  • คงลวดลายและเส้นใยไม้ไว้
  • ป้องกันความชื้น แมลง และเชื้อรา
  • มีทั้งแบบใสและมีสี
  • บางชนิดมี UV Protection

ข้อดี:

  • รักษาความงามธรรมชาติของไม้
  • ป้องกันไม้จากปัจจัยภายนอก
  • ใช้งานง่าย ไม่ต้องขัดพื้นผิวเก่าออกหมด
  • ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนไม้ใหม่
  • เพิ่มอายุการใช้งานของไม้

สีอีพ็อกซี่

6.สีสำหรับพื้น / สีอีพ็อกซี่ (Floor Paint / Epoxy Paint)

สีพื้นเป็นสีพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับทาพื้น มีความแข็งแรงและทนทานต่อการเดิน การขูด และน้ำหนักมากกว่าสีทาผนังทั่วไป

คุณสมบัติ:

  • ความแข็งและทนทานสูงมาก
  • ทนต่อการเดิน การลาก และแรงกดทับ
  • กันน้ำและสารเคมีได้ดี
  • ผิวเรียบ ทำความสะอาดง่าย
  • มีทั้งแบบธรรมดาและกันลื่น

ข้อดี:

  • ทนทานต่อการใช้งานหนัก เหมาะกับพื้นที่การค้า
  • ง่ายต่อการทำความสะอาดและบำรุงรักษา
  • กันน้ำและคราบต่างๆ ได้ดี
  • ให้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นมืออาชีพ
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมพื้น

สรุป

การเลือกสีทาบ้านที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นผิว วัตถุประสงค์การใช้งาน และงบประมาณ สีน้ำอะคริลิกเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป สีน้ำมันสำหรับงานที่ต้องการความทนทาน สีรองพื้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ สีเท็กซ์เจอร์สร้างความสวยงาม สีไม้ปกป้องงานไม้ และสีพื้นทนทานต่อการใช้งานหนัก การเตรียมพื้นผิวและการเลือกสีที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและทนทานที่สุด

 

 

 


Visitors: 16,005